น่ารักปะ
ห มุ M a y
อู๊ดๆๆ :p
วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555
ชีวะ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต |
.....
(คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่) |
นักวิทยาศาสตร์ไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปดูการทำงานของเอนไซม์ภาในเซลล์ได้ จึงต้องศึกษาการทำงานของเอนไซม์ภายนอกเซลล์ ซึ่งมีเงื่อนไขบางประการที่แตกต่างจากการศึกษาการทำงานของเอนไซม์ภายในเซลล์ เอนไซม์ทุกชนิดทำงานในเซลล์ แต่หลายชนิดยังสามารถทำงานนอกเซลล์ที่มีสภาพใกล้เคียงกับภายในเซลล์
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถสกัดเอนไซม์ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ได้หลายร้อย ชนิด บางชนิดอยู่ในรูปของผลึกที่เป็นสารบริสุทธิ์ จากการศึกษาโครงสร้างและส่วนประกอบของเอนไซม์ชนิดต่างๆ ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า เอนไซม์เป็นสารพอลิเพปไทด์หลายสาย และมักจะมีไอออนของโลหะหรือโมเลกุลที่ไม่ใช่โปรตีนอยู่ด้วย เอนไซม์จะมีมวลโมเลกุล 10,000 ถึงมากกว่า 1 ล้าน และมีสมบัติเป็น คะตะลิสต์ (catalyst)
อัตราการทำงานของเอนไซม์จะขึ้นอยู่กับระดับอุณหภูมิ โดยทั่วๆ ไปอัตราการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ จะมีลักษณะดังกราฟ
ปฎิกิริยาของสิ่งมีชีวิต
3.3ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
3.3 ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
นักเรียนได้ทราบมาแล้วว่าโมเลกุลของน้ำเกิดจากอะตอมของธาตุออกซิเจนใช้อิเล็กตรอนรวมกับอะตอมของธาตุไฮโดรเจนทำให้เกิดแรงดึงดูดซึ้งกันและกัน แรงดึงดูดนี้เป็นพันธะโคเวเลนท์ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นนักเรียนได้ทดลองแยกน้ำโดยใช้พลังงานไฟฟ้า โมเลกุลของน้ำที่ถูกแยกจะให้โมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจนและแกแก๊สออกซิเจน ดังสมการเคมีต่อไปนี้
นักเรียนได้ทราบมาแล้วว่าโมเลกุลของน้ำเกิดจากอะตอมของธาตุออกซิเจนใช้อิเล็กตรอนรวมกับอะตอมของธาตุไฮโดรเจนทำให้เกิดแรงดึงดูดซึ้งกันและกัน แรงดึงดูดนี้เป็นพันธะโคเวเลนท์ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นนักเรียนได้ทดลองแยกน้ำโดยใช้พลังงานไฟฟ้า โมเลกุลของน้ำที่ถูกแยกจะให้โมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจนและแกแก๊สออกซิเจน ดังสมการเคมีต่อไปนี้
เมื่อจุดไฮโดรเจนในบรรยากาศที่มีออกซิเจนจะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เนื่องจากออกซิเจนที่อยู่ในบรรยากาศจะรวมตัวทางเคมีกับไฮโดรเจนอย่างรวดเร็ว และคายพลังงานออกมา ดังสมการต่อไปนี้
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ปฏิกิริยาแยกน้ำจะรับพลังงานไฟฟ้าเข้าไป ส่วนปฏิกิริยาการรวมอะตอมของไฮโดรเจนและออกซิเจนเกิดเป็นโมเลกุลของน้ำจะให้พลังงานออกมา สิ่งที่น่าสงสัยคือ เหตุไดปฏิกิริยาแยกโมเลกุลของน้ำจะเกิดขึ้นเองได้ต้องใช้พลังงานและการรวมตัวของอะตอม ไฮโดรเจนและออกซิเจนเป็นโมเลกุลของน้ำจึงได้พลังงานออกมา
อะตอมของธาตุ หรือสารประกอบรวมตัวอยู่ได้ด้วยพันธะเคมีซึ่งมีพลังงานสะสมอยู่ ถ้าพันธะเคมีได้รับพลังงานที่มีปริมาณมากพอก็จะทำให้พันธะเคมีสลายตัว และสร้างพันธะเคมีใหม่ ถ้าหากพันธะเคมีใหม่มีพลังงานสะสมน้อยกว่าพันธะเคมีเดิม อะตอมที่มารวมตัวกันจะปล่อยพลังงานออกมา
ดังนั้นพันธะเคมีจึงเป็นแหล่งสะสมพลังงาน และคายพลังงานออกมา โมเลกุลของสารทุกชนิดมีพลังงานสะสมอยู่ในรูปของพลังงานพันธะ ( bond energy ) จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของพลังงานในระหว่างที่เกิดปฏิกิริยาเคมีพบว่า พลังงานพันธะของสารตั้งต้นเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิกิริยา และพลังงานพันธะของผลิตภัณฑ์ เป็นจุดสิ้นสุด ถ้าหากพลังงานพันธะของสารตั้งต้นสูงกว่าพลังงานพันธะของสารผลิตภัณฑ์ เราเรียกปฏิกิริยาแบบนี้ว่า ปฏิกิริยาคลายพลังงาน ( exergonic reaction )
อะตอมของธาตุ หรือสารประกอบรวมตัวอยู่ได้ด้วยพันธะเคมีซึ่งมีพลังงานสะสมอยู่ ถ้าพันธะเคมีได้รับพลังงานที่มีปริมาณมากพอก็จะทำให้พันธะเคมีสลายตัว และสร้างพันธะเคมีใหม่ ถ้าหากพันธะเคมีใหม่มีพลังงานสะสมน้อยกว่าพันธะเคมีเดิม อะตอมที่มารวมตัวกันจะปล่อยพลังงานออกมา
ดังนั้นพันธะเคมีจึงเป็นแหล่งสะสมพลังงาน และคายพลังงานออกมา โมเลกุลของสารทุกชนิดมีพลังงานสะสมอยู่ในรูปของพลังงานพันธะ ( bond energy ) จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของพลังงานในระหว่างที่เกิดปฏิกิริยาเคมีพบว่า พลังงานพันธะของสารตั้งต้นเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิกิริยา และพลังงานพันธะของผลิตภัณฑ์ เป็นจุดสิ้นสุด ถ้าหากพลังงานพันธะของสารตั้งต้นสูงกว่าพลังงานพันธะของสารผลิตภัณฑ์ เราเรียกปฏิกิริยาแบบนี้ว่า ปฏิกิริยาคลายพลังงาน ( exergonic reaction )
การจุดไฮโดเจนในบรรยากาศที่กล่าวมาแล้วจะเห็นว่าการรวมตัวกันระหว่างโมเลกุลของไฮโดรเจนและออกซิเจนจะต้องมีการนำเอาพลังงานจากจุดไปกระตุ้นเพื่อสลายพันธะเคมีระหว่างอะตอมของไฮโดรเจนและระหว่างอะตอมของออกซิเจนแล้วจึงมีการสร้างพันธะเคมีขึ้นมาใหม่ ระหว่างอะตอมของไฮโดรเจนกับอะตอมของออกซิเจนกลายเป็นน้ำ ในการนี้พลังงานจำนวนหนึ่งจะถูกคลายออกมา ซึ่งจะทำให้โมเลกุลของน้ำมีพลังงานลดลง โมเลกุลของน้ำจึงเสถียรสูงกว่าโมเลกุลไฮโดรเจนและออกซิเจน จากปฏิกิริยานี้พลังงานที่ปล่อยออกมาจะมีค่ากว่าพลังงานกระตุ้นจึงเรียกปฏิกิริยานี้ว่า ปฏิกิริยาคลายพลังงาน
ในปฏิกิริยาเคมีใด หากพลังงานพันธะของสารตั้งต้นต่ำกว่าพลังงานพันธะของสารผลิตภัณฑ์ นั่นคือ พลังงานกระตุ้นที่ใช้ในปฏิกิริยามากกว่าพลังงานที่ปล่อยออก เราเรียกปฏิกิริยาแบบนี้ว่าปฏิกิริยาดูดพลังงาน (endergonic reaction )
ในปฏิกิริยาเคมีใด หากพลังงานพันธะของสารตั้งต้นต่ำกว่าพลังงานพันธะของสารผลิตภัณฑ์ นั่นคือ พลังงานกระตุ้นที่ใช้ในปฏิกิริยามากกว่าพลังงานที่ปล่อยออก เราเรียกปฏิกิริยาแบบนี้ว่าปฏิกิริยาดูดพลังงาน (endergonic reaction )
จากแยกน้ำโดยใช้ไฟฟ้า มีการใช้พลังงานไปสลายพันธะเคมีระหว่างอะตอมของไฮโดรเจนกับออกซิเจนในโมเลกุลของน้ำ พลังงานบางส่วนจะนำไปสร้างพันธะเคมีใหม่ ระหว่างอะตอมของไฮโดรเจนกับอะตอมของไฮโดรเจน เกิดเป็นโมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจนระหว่างอะตอมของออกซิเจนกับออกซิเจนเกิดเป็นโมเลกุลของแก๊สออกซิเจน จึงเป็นปฏิกิริยาดูดพลัง
เมื่อสิ่งมีชีวิตกินอาหารเข้าไป สารอาหารจะถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายในรูปของกรดอะมิโน เพปไทด์สายสั้นๆ กรดไขมัน กลีซอลรอล มอโนแซ็กคาไรด์ วิตตามินและแร่ธาตุต่างๆ เพื่อส่งไปยังเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย สารเคมีเหล่านี้หลังจากถูกลำเลียง เข้าสู่เซลล์ก็จะถูกนำไปใช้สร้างสารโมเลกุลใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต หรือสร้างพลังงานที่เซลล์ต้องการโดยผ่านปฏิกิริยาเคมีหลายขั้นตอน ปฏิกิริยาในสิ่งมีชีวิตก็จะมีลักษณะทำนองเดียวกับปฏิกิริยาเคมีที่กล่าวมาข้างต้น กล่าวคือ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโมเลกุลของสารตั้งต้นชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดระหว่างเกิดปฏิกิริยาจะมีการสลายพันธะระหว่างอะตอมภายในโมเลกุลและสร้างพันธะใหม่ขึ้น ทำให้มีการจัดเรียงตัวกันใหม่ของอะตอมได้เป็นสารผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสารใหม่ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากสารข้างต้น การสลายและการสร้างพันธะระหว่างที่เกิดปฏิกิรกยาเคมีนี้บางปฏิกิริยาดูดพลังงานและบางปฏิกิริยาจะคายพลังงาน
เมื่อสิ่งมีชีวิตกินอาหารเข้าไป สารอาหารจะถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายในรูปของกรดอะมิโน เพปไทด์สายสั้นๆ กรดไขมัน กลีซอลรอล มอโนแซ็กคาไรด์ วิตตามินและแร่ธาตุต่างๆ เพื่อส่งไปยังเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย สารเคมีเหล่านี้หลังจากถูกลำเลียง เข้าสู่เซลล์ก็จะถูกนำไปใช้สร้างสารโมเลกุลใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต หรือสร้างพลังงานที่เซลล์ต้องการโดยผ่านปฏิกิริยาเคมีหลายขั้นตอน ปฏิกิริยาในสิ่งมีชีวิตก็จะมีลักษณะทำนองเดียวกับปฏิกิริยาเคมีที่กล่าวมาข้างต้น กล่าวคือ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโมเลกุลของสารตั้งต้นชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดระหว่างเกิดปฏิกิริยาจะมีการสลายพันธะระหว่างอะตอมภายในโมเลกุลและสร้างพันธะใหม่ขึ้น ทำให้มีการจัดเรียงตัวกันใหม่ของอะตอมได้เป็นสารผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสารใหม่ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากสารข้างต้น การสลายและการสร้างพันธะระหว่างที่เกิดปฏิกิรกยาเคมีนี้บางปฏิกิริยาดูดพลังงานและบางปฏิกิริยาจะคายพลังงาน
วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555
กลอนกวนๆ
อยากมีเมียทำไม...ขอได้โปรด
อยู่เป็นโสดดีกว่าอย่าสุงสิงมีเมียเกี่ยวเที่ยวไหนสุดไหวติงเกาะเป็นปลิงเชียวนะให้ระวังสินสอดแพงแต่งแล้วไม่แคล้วคลาดต้องเป็นทาสปรนเปรอถูกเธอขังจะยิ้มรับกับใครกลุ้มใจจังทั้งไหล่หลังถูกหยิกหล่อนจิกตีตัณหาหวงห่วงแสนในแดนหล้าริษยาพาวิกฤติคืออิตถีพึงหลีกได้ให้ห่างสร้างเสรีพบคนดีที่สุดจึงจุดไฟเขาว่าได้เมียดีเหมือนมีแม่เป็นจริงแท้แน่ชัดตวงวัดได้คือสามารถตีตบต้องหลบภัยไม่มีใครทารุณเท่าคุณเมียที่มา http://poem.kapook.com/joke.php
กลอนคิดถึง
คิดถึงเธอเหลือเกินคนไกล เธอคิดถึงฉันบ้างไหมคนดี
คิดถึงเธอเหลือเกินคนไกล
เธอคิดถึงฉันบ้างไหมคนดี
ระยะทางห่างกันแบบนี้
เธอจะมีความรู้สึกเช่นไร
เธอคิดถึงฉันบ้างไหมคนดี
ระยะทางห่างกันแบบนี้
เธอจะมีความรู้สึกเช่นไร
อ่านต่อ: http://www.klonthai.com/category/%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%96%e0%b8%b6%e0%b8%87#ixzz1kSGVls9w
ที่มา www.klonthai.com
วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555
กลอน รัก
ฟากฟ้า…ฝั่งทะเล
เมื่อตำนานความรักเหงา – เหงา
กับกลายเป็นเรื่องเล่า…ทะเล ฟากฟ้า
สิ่งทั้งสองเคยครองรักกัน…เมื่อนานมา
แต่ด้วยความอิจฉาของพสุธา…จับแยกกัน
- - - - - - -
ฟากฟ้า และ ท้องทะเล…ยังคงเป็นสีคราม
แสดงออกถึงความรักที่งอกงามในใจนั้น
ห่างกันสุดฟากฟ้า…ฝั่งทะเล…ยังมั่นคงผูกพัน
” รัก ” ที่จริงใจนั้น…อย่าวัดกันที่ระยะทาง
- - - - - - -
เมื่อฝั่งทะเล…คิดถึงซึ่งฟ้าไกล
น้ำจะก่อระเหยเป็นไอแทนความอ้างว้าง
ฟากฟ้า…รับรู้ได้ถึงสายใยบาง – บาง
สายฝนไหลมาเป็นทาง…ลบความอ้างว้างให้ทะเล
- - - - - - -
ถึงแม้เรื่องจริงเส้นขนาน…ไม่เคยบรรจบ
แต่รักของเราไม่ติดลบ…ไม่หันเห
อย่างน้อยยังเคียงคู่…ฟากฟ้า…ฝั่งทะเล
แค่นิทานกล่อมเห่…แต่ มั่นคง ไม่ไขว้เขว…ดั่งใจคน
กับกลายเป็นเรื่องเล่า…ทะเล ฟากฟ้า
สิ่งทั้งสองเคยครองรักกัน…เมื่อนานมา
แต่ด้วยความอิจฉาของพสุธา…จับแยกกัน
- - - - - - -
ฟากฟ้า และ ท้องทะเล…ยังคงเป็นสีคราม
แสดงออกถึงความรักที่งอกงามในใจนั้น
ห่างกันสุดฟากฟ้า…ฝั่งทะเล…ยังมั่นคงผูกพัน
” รัก ” ที่จริงใจนั้น…อย่าวัดกันที่ระยะทาง
- - - - - - -
เมื่อฝั่งทะเล…คิดถึงซึ่งฟ้าไกล
น้ำจะก่อระเหยเป็นไอแทนความอ้างว้าง
ฟากฟ้า…รับรู้ได้ถึงสายใยบาง – บาง
สายฝนไหลมาเป็นทาง…ลบความอ้างว้างให้ทะเล
- - - - - - -
ถึงแม้เรื่องจริงเส้นขนาน…ไม่เคยบรรจบ
แต่รักของเราไม่ติดลบ…ไม่หันเห
อย่างน้อยยังเคียงคู่…ฟากฟ้า…ฝั่งทะเล
แค่นิทานกล่อมเห่…แต่ มั่นคง ไม่ไขว้เขว…ดั่งใจคน
lookgaow (ชุมชนคนบ้ากลอน) กลอนชนะเลิศ ต.ค.51
ที่มา http://www.klonthai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)